smite ใน ภาษาอังกฤษ หมายถึงอะไร
ความหมายของคำว่า smite ใน ภาษาอังกฤษ คืออะไร บทความอธิบายความหมายแบบเต็ม การออกเสียงพร้อมกับตัวอย่างสองภาษาและคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีใช้ smite ใน ภาษาอังกฤษ
คำว่า smite ใน ภาษาอังกฤษ หมายถึง ทรมาน, ทุบ, รู้สึก หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดดูรายละเอียดด้านล่าง
ความหมายของคำว่า smite
ทรมานverb Hail, locusts, smiting of the first born... เห็บ, ตั๊กแตน, โดนทรมานตั้งแต่เกิด |
ทุบverb |
รู้สึกverb |
ดูตัวอย่างเพิ่มเติม
3 Now they durst not slay them, because of the aoath which their king had made unto Limhi; but they would smite them on their bcheeks, and exercise authority over them; and began to put heavy cburdens upon their backs, and drive them as they would a dumb ass— ๓ บัดนี้พวกนั้นไม่กล้าสังหารคนเหล่านั้น, เพราะคําปฏิญาณซึ่งกษัตริย์ของตนทําไว้กับลิมไฮ; แต่จะตบหน้ากพวกเขา, และใช้อํานาจกับพวกเขา; และเริ่มบรรทุกของขหนักบนหลังของพวกเขา, และไล่ต้อนพวกเขาเหมือนไล่ต้อนลาใบ้— |
15 And out of his mouth proceedeth the word of God, and with it he will smite the nations; and he will rule them with the word of his mouth; and he treadeth the winepress in the fierceness and wrath of Almighty God. ๑๕ และจากปากเขาพระคําของพระผู้เป็นเจ้าออกมา, และด้วยพระคํานี้พระองค์จะทรงลงทัณฑ์บรรดาประชาชาติ; และพระองค์จะทรงปกครองพวกเขาด้วยพระคําจากพระโอษฐ์ของพระองค์; และพระองค์ทรงเหยียบบ่อย่ําองุ่นในความเดือดดาลและพระพิโรธของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ. |
And he shall smite the earth with the rod of his mouth; and with the breath of his lips shall he slay the wicked. และพระองค์จะทรงตีแผ่นดินโลกด้วยไม้เรียวแห่งพระโอษฐ์ของพระองค์; และด้วยลมปราณจากริมฝีพระโอษฐ์ของพระองค์ พระองค์จะทรงประหารคนชั่วร้าย. |
For example, when King Jehoshaphat of Judah prayed for deliverance, God answered his prayer and gave him victory by causing his enemies to smite one another. ตัว อย่าง เช่น เมื่อ กษัตริย์ ยะโฮซาฟาด แห่ง ยูดา ได้ ทูล อธิษฐาน ขอ การ ช่วย ให้ รอด พ้น พระเจ้า ทรง ตอบ คํา อธิษฐาน ของ ท่าน และ ประทาน ชัย ชนะ ให้ ท่าน โดย บันดาล ให้ ศัตรู ของ ท่าน ฟาด ฟัน กัน เอง. |
Smite death’s threat’ning wave before you. ทรงทําลายภัยมิให้แผ้วพาน |
God uses the word of Christ to smite the nations. (พระผู้เป็นเจ้าทรงใช้พระคําของพระคริสต์ลงทัณฑ์บรรดาประชาชาติ.) |
22 Nevertheless, there were many among them who began to be proud, and began to contend warmly with their adversaries, even unto blows; yea, they would smite one another with their afists. ๒๒ กระนั้นก็ตาม, ยังมีคนเป็นอันมากในบรรดาพวกเขาที่เริ่มจองหอง, และเริ่มขัดแย้งอย่างรุนแรงกับปฏิปักษ์ของตน, แม้ถึงกับทุบตีกัน; แท้จริงแล้ว, พวกเขาชกต่อยกันด้วยกําปั้น. |
You fancy a drink before you smite me? นายจะดื่มหน่อยไหม ก่อนจะระเบิดฉัน |
And as the Lord God liveth that abrought Israel up out of the land of Egypt, and gave unto Moses power that he should bheal the nations after they had been bitten by the poisonous serpents, if they would cast their eyes unto the cserpent which he did raise up before them, and also gave him power that he should smite the drock and the water should come forth; yea, behold I say unto you, that as these things are etrue, and as the Lord God liveth, there is none other fname given under heaven save it be this Jesus Christ, of which I have spoken, whereby man can be saved. และดังที่พระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์อยู่ผู้ทรงนําอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์ก, และประทานพลังให้โมเสสเพื่อเขาจะรักษาขประชาชาติภายหลังพวกเขาถูกพญางูพิษกัด, หากพวกเขาจะมองไปที่พญางูคซึ่งท่านชูขึ้นต่อหน้าพวกเขา, และประทานพลังให้ท่านด้วยเพื่อท่านจะตีศิลางและน้ําจะไหลออกมา; แท้จริงแล้ว, ดูเถิดข้าพเจ้ากล่าวแก่ท่าน, ว่าดังสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องจริง, และดังที่พระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์อยู่, ไม่มีนามจอื่นใดประทานมาให้ภายใต้ฟ้าสวรรค์นอกจากจะเป็นพระเยซูคริสต์องค์นี้, องค์ที่ข้าพเจ้าพูดมาแล้ว, ซึ่งโดยพระนามนี้มนุษย์จะรับการช่วยให้รอดได้. |
For this, Jehovah smites him with leprosy. เพราะ เหตุ นี้ พระ ยะโฮวา จึง ทรง ลง โทษ ท่าน ให้ เป็น โรค เรื้อน. |
Later, he went smiting the enemy, “piling legs upon thighs with a great slaughter.” ต่อ มา ท่าน ได้ ไป ฟาด ฟัน ศัตรู “เอา ขา มา กอง ซ้อน ทับ ต้น ขา โดย สังหาร เป็น การ ใหญ่.” |
Hail, locusts, smiting of the first born... เห็บ, ตั๊กแตน, โดนทรมานตั้งแต่เกิด |
10 O ye wicked ones, enter into the rock, and ahide thee in the dust, for the fear of the Lord and the glory of his majesty shall smite thee. ๑๐ โอ้เจ้าคนชั่วร้าย, จงเข้าไปในศิลา, และซ่อนตัวกอยู่ในภัสมธุลี, เพราะความเกรงกลัวพระเจ้าและรัศมีภาพแห่งพระบารมีของพระองค์จะลงทัณฑ์เจ้า. |
10 And the Lord said unto me: Go to this people, and say unto them—aRepent, lest I come out and smite them with a curse, and they die. ๑๐ และพระเจ้าตรัสกับข้าพเจ้า : จงไปหาผู้คนเหล่านี้, และกล่าวแก่พวกเขา—จงกลับใจก, เกลือกเราจะออกมาและลงทัณฑ์พวกเขาด้วยคําสาปแช่ง, และพวกเขาจะตาย. |
Moreover, all hoping to survive “the day of Jehovah” do well to bear in mind zealous Elisha’s words about smiting the earth. อนึ่ง ทุก คน ที่ หวัง จะ รอด ผ่าน “วัน ของ พระ ยะโฮวา” ควร ต้อง ระลึก อยู่ เสมอ ถึง คํา พูด ของ อะลีซา ผู้ มี ใจ แรง กล้า ที่ ได้ กล่าว เกี่ยว กับ การ ตี พื้น ดิน. |
34 And the Lord sware unto Joseph that he would preserve his seed forever, saying, I will raise up Moses, and a rod shall be in his hand, and he shall gather together my people, and he shall lead them as a flock, and he shall smite the waters of the Red Sea with his rod. ๓๔ และพระเจ้าประทานคํามั่นแก่โยเซฟว่าพระองค์จะทรงปกปักรักษาพงศ์พันธุ์ของเขาตลอดกาล, โดยรับสั่งว่า, เราจะยกโมเสสขึ้น, และไม้เท้าจะอยู่ในมือของเขา, และเขาจะรวบรวมผู้คนของเรา, และเขาจะนําพวกเขาดังฝูงแกะ, และเขาจะตีผืนน้ําของทะเลแดงด้วยไม้เท้าของเขา. |
52 And shall begin to smite his fellow-servants, and to eat and drink with the drunken, ๕๒ และจะเริ่มลงทัณฑ์เพื่อนผู้รับใช้ของเขา, และกินและดื่มกับคนเมา, |
And they did bsmite upon the people of Jesus; but the people of Jesus did not smite again. และพวกเขาทุบตีกผู้คนของพระเยซู; แต่ผู้คนของพระเยซูไม่ได้ตอบโต้. |
9 Now, because Gideon withstood him with the words of God he was wroth with Gideon, and drew his sword and began to smite him. ๙ บัดนี้, เพราะกิเดียนทัดทานเขาไว้ด้วยพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้าเขาจึงโมโหกิเดียน, และชักดาบของเขาและเริ่มฟันเขา. |
20 And they were cast down into the earth; but they did smite the earth with the word of God, insomuch that by his apower they were delivered out of the depths of the earth; and therefore they could not dig pits sufficient to hold them. ๒๐ และพวกท่านถูกโยนลงไปในแผ่นดิน; แต่พวกท่านตีแผ่นดินด้วยพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้า, ถึงขนาดที่โดยเดชานุภาพกของพระองค์ปล่อยพวกท่านออกจากห้วงลึกของแผ่นดิน; และฉะนั้นคนพวกนั้นจึงขุดหลุมให้พอจะขังพวกท่านไม่ได้. |
“Therefore I command you to repent—repent, lest I smite you by the rod of my mouth, and by my wrath, and by my anger, and your sufferings be sore—how sore you know not, how exquisite you know not, yea, how hard to bear you know not. “ฉะนั้นเราบัญชาให้เจ้ากลับ ใจ—จงกลับใจเถิด, เกลือกเราจะลงทัณฑ์เจ้าด้วยไม้จากปากของเรา, และด้วยความเคืองแค้นของเรา, และด้วยความโกรธของเรา, และความทุกขเวทนาของเจ้าจะอาดูร—อาดูรเพียงใดเจ้าหารู้ไม่, แสนสาหัสเพียงใดเจ้าหารู้ไม่, แท้จริงแล้ว, ยากเหลือจะทนเพียงใดเจ้าหารู้ไม่. |
26 And again, if he shall smite you the third time, and ye bear it apatiently, your reward shall be doubled unto you four-fold; ๒๖ และอนึ่ง, หากเขาจะทําร้ายเจ้าครั้งที่สาม, และเจ้ารับไว้อย่างอดทนก, รางวัลของเจ้าจะทวีคูณให้แก่เจ้าสี่เท่า; |
17 And again, in connection with this quotation I will give you a quotation from one of the prophets, who had his eye fixed on the arestoration of the priesthood, the glories to be revealed in the last days, and in an especial manner this most glorious of all subjects belonging to the everlasting gospel, namely, the baptism for the dead; for Malachi says, last chapter, verses 5th and 6th: Behold, I will send you bElijah the prophet before the coming of the great and dreadful day of the Lord: And he shall turn the heart of the fathers to the children, and the heart of the children to their fathers, lest I come and smite the earth with a curse. ๑๗ และอนึ่ง, เกี่ยวกับข้อความอ้างอิงนี้ข้าพเจ้าจะให้ข้อความอ้างอิงจากศาสดาพยากรณ์คนหนึ่งแก่ท่าน, ซึ่งสายตาเขาจับจ้องอยู่ที่การฟื้นฟูกฐานะปุโรหิต, รัศมีภาพทั้งหลายที่จะได้รับการเปิดเผยในวันเวลาสุดท้าย, และในวิธีการพิเศษ เรื่องอันล้ําเลิศที่สุดนี้ในบรรดาเรื่องทั้งหมดที่เป็นของพระกิตติคุณอันเป็นนิจ, กล่าวคือ, บัพติศมาแทนคนตาย; เพราะมาลาคีกล่าว, ในบทสุดท้าย, ข้อที่ ๕ และ ๖ : ดูเถิด, เราจะส่งเอลียาห์ขศาสดาพยากรณ์มาหาเจ้าก่อนการมาของวันสําคัญยิ่งและน่าพรั่นพรึงของพระเจ้า : และเขาจะหันใจบรรพบุรุษมาหาลูกหลาน, และใจลูกหลานมาหาบรรพบุรุษของพวกเขา, เกลือกเราจะมาลงทัณฑ์แผ่นดินโลกด้วยคําสาปแช่ง. |
11 Therefore he was constrained to speak more unto them saying: Behold, my brethren, have ye not read that God gave power unto one man, even Moses, to smite upon the waters of the aRed Sea, and they parted hither and thither, insomuch that the Israelites, who were our fathers, came through upon dry ground, and the waters closed upon the armies of the Egyptians and swallowed them up? ๑๑ ฉะนั้นท่านถูกบีบคั้นให้พูดกับพวกเขาต่อไปมีความว่า : ดูเถิด, พี่น้องข้าพเจ้า, ท่านไม่เคยอ่านหรือว่าพระผู้เป็นเจ้าประทานพลังให้ชายผู้หนึ่ง, แม้โมเสส, ให้ฟาดผืนน้ําแห่งทะเลกแดง, และมันแยกไปทางโน้นและทางนี้, จนชาวอิสราเอล, ผู้เป็นบรรพบุรุษของเรา, ผ่านมาบนแผ่นดินแห้ง, และผืนน้ําประสานกันดังเดิมท่วมกองทัพของชาวอียิปต์และกลืนคนเหล่านั้นสิ้น ? |
28 And if they shall smite this people thou wilt smite them; thou wilt afight for thy people as thou didst in the day of battle, that they may be delivered from the hands of all their enemies. ๒๘ และหากพวกเขาจะลงทัณฑ์คนเหล่านี้พระองค์จะทรงลงทัณฑ์พวกเขา; พระองค์จะทรงต่อสู้ให้ผู้คนของพระองค์ดังที่พระองค์ทรงกระทําแล้วในวันแห่งการสู้รบ, เพื่อพวกเขาจะได้รับการปลดปล่อยจากมือศัตรูทั้งปวงของพวกเขา. |
มาเรียนกันเถอะ ภาษาอังกฤษ
ตอนนี้เมื่อคุณรู้ความหมายของ smite ใน ภาษาอังกฤษ มากขึ้นแล้ว คุณจะได้เรียนรู้วิธีใช้คำเหล่านี้ผ่านตัวอย่างที่เลือกไว้และวิธี อ่านแล้วอย่าลืมเรียนรู้คำที่เกี่ยวข้องที่เราแนะนำ เว็บไซต์ของเรามีการปรับปรุงคำศัพท์ใหม่ๆ และตัวอย่างใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้คุณสามารถค้นหาความหมายของคำอื่นๆ ที่คุณไม่ทราบใน ภาษาอังกฤษ
คำที่เกี่ยวข้องของ smite
คำพ้องความหมาย
อัปเดตคำของ ภาษาอังกฤษ
คุณรู้จัก ภาษาอังกฤษ ไหม
ภาษาอังกฤษมาจากชนเผ่าดั้งเดิมที่อพยพไปยังอังกฤษและมีวิวัฒนาการมาเป็นเวลากว่า 1,400 ปี ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่พูดมากเป็นอันดับสามของโลก รองจากจีนและสเปน เป็นภาษาที่สองที่มีการเรียนรู้มากที่สุด และภาษาราชการของเกือบ 60 ประเทศอธิปไตย ภาษานี้มีจำนวนผู้พูดเป็นภาษาที่สองและภาษาต่างประเทศมากกว่าเจ้าของภาษา ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการร่วมของสหประชาชาติ สหภาพยุโรป และภาษาต่างประเทศอื่น ๆ อีกมากมาย และองค์กรระดับภูมิภาค ปัจจุบัน ผู้พูดภาษาอังกฤษทั่วโลกสามารถสื่อสารกันได้อย่างคล่องตัว